หลายครั้งที่เราผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเอง “อยากหวาน” อย่างรุนแรง บางทีก็ “กินไม่หยุด” ควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนง่าย เหนื่อยล้า หรือมีอาการอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ตลอด อาการเหล่านี้มักปรากฏชัดในช่วงก่อนมีประจำเดือน ระหว่างรอบเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงที่เรารู้สึกเครียดสะสม ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกเราว่า “ฮอร์โมนกำลังแปรปรวน”
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วงต่างๆ ของรอบเดือน หรือแม้แต่ฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอล สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของสมองและระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งมักนำไปสู่อาการต่างๆ ที่เรียกรวมๆ ว่า Premenstrual Syndrome (PMS) หรืออาการก่อนมีประจำเดือน หนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดคือ การอยากอาหารบางชนิดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะของหวานและคาร์โบไฮเดรต รวมถึงอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ เหนื่อยง่าย และนอนไม่หลับ
แทนที่จะพึ่งพาวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือกังวลเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง การทำความเข้าใจและเลือกใช้สารอาหารจากธรรมชาติอย่างถูกวิธี สามารถช่วยสนับสนุนร่างกายให้ปรับสมดุลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเลือกรับประทานวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดที่พิสูจน์แล้วว่ามีส่วนช่วยปรับฮอร์โมน ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ปรับสมดุลอารมณ์ และลดความอยากอาหารที่ไม่จำเป็น
ทำไมฮอร์โมนแปรปรวนถึงทำให้ “อยากหวาน” และ “กินไม่หยุด”?
เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน fluctuates (แปรปรวน) โดยเฉพาะในช่วง Luteal phase (หลังตกไข่จนถึงก่อนมีประจำเดือน) ระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์และความอยากอาหาร มักจะลดลง เมื่อเซโรโทนินต่ำ ร่างกายจะพยายามหาวิธีเพิ่มระดับเซโรโทนินอย่างรวดเร็ว ซึ่งการรับประทานคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะน้ำตาล สามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งเซโรโทนินได้ชั่วคราว นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมักรู้สึก “อยากหวาน” อย่างรุนแรงในช่วงนี้
นอกจากนี้ ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด เมื่อมีระดับสูงเป็นเวลานาน ก็สามารถกระตุ้นความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงได้เช่นกัน เพราะร่างกายมองว่านี่คือพลังงานที่จำเป็นในการรับมือกับความเครียด และเมื่อเรารับประทานอาหารเหล่านี้ ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงและตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดวงจรของการอยากอาหารซ้ำๆ และนำไปสู่อาการ “กินไม่หยุด” ได้
อาการอื่นๆ เช่น เหนื่อยล้า นอนไม่หลับ หรืออารมณ์หงุดหงิด ซึมเศร้า ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการ PMS ที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมการกินได้เช่นกัน
วิตามินและสารอาหารจากธรรมชาติที่ช่วยได้
การดูแลตัวเองด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสม สามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของร่างกายในการปรับสมดุลฮอร์โมน ลดอาการ PMS และจัดการกับความอยากอาหาร รวมถึงอารมณ์ที่แปรปรวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือวิตามินและสารอาหารที่แนะนำ:
1. วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
วิตามินบี 6 มีบทบาทสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทหลายชนิดในสมอง รวมถึงเซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งมีผลต่ออารมณ์และความอยากอาหาร การเสริมวิตามินบี 6 สามารถช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนิน ลดอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า และบรรเทาความอยากของหวานลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการบวมน้ำที่เป็นหนึ่งในอาการ PMS ทั่วไปได้อีกด้วย
2. แมกนีเซียม (Magnesium)
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาทางชีวเคมีมากกว่า 300 ชนิดในร่างกาย รวมถึงการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ การขาดแมกนีเซียมสัมพันธ์กับอาการ PMS หลายอย่าง เช่น อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ และความอยากของหวาน การเสริมแมกนีเซียมช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด ทำให้การนอนหลับดีขึ้น และลดอาการอยากอาหารได้
3. แคลเซียม + วิตามินดี (Calcium + Vitamin D)
การเสริมแคลเซียมร่วมกับวิตามินดีพบว่ามีประสิทธิภาพในการลดอาการ PMS โดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอาการทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า หงุดหงิด และวิตกกังวล วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และทั้งสองชนิดมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และการทำงานของระบบประสาท การได้รับแคลเซียมและวิตามินดีอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการกับอาการที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนแปรปรวน
4. สารสกัดจากเชสต์เบอร์รี่ (Chasteberry หรือ Vitex Agnus-Castus)
เชสต์เบอร์รี่เป็นสมุนไพรที่ใช้กันมานานเพื่อช่วยบรรเทาอาการ PMS โดยเฉพาะอาการเกี่ยวกับเต้านมคัดตึง ปวดท้องน้อย และอารมณ์แปรปรวน เชื่อว่าเชสต์เบอร์รี่ทำงานโดยมีผลต่อต่อมใต้สมอง ซึ่งควบคุมการผลิตฮอร์โมนต่างๆ รวมถึงโปรแลคติน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการ PMS บางอย่าง การใช้เชสต์เบอร์รี่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากอาจมีผลต่อรอบเดือนได้
5. แอล-ธีอะนีน (L-theanine) หรือ สารสกัดจากadaptogens (Adaptogens)
แอล-ธีอะนีน ซึ่งพบมากในชาเขียว เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยส่งเสริมการผ่อนคลายโดยไม่ทำให้ง่วงนอน ช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นความอยากอาหารและอาการ PMS อื่นๆ ได้ สำหรับ Adaptogens เช่น Ashwagandha หรือ Rhodiola ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับความเครียดได้ดีขึ้น ลดระดับคอร์ติซอล และช่วยปรับสมดุลพลังงานและอารมณ์ การจัดการกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมอาการที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน
| วิตามิน/สารอาหาร | บทบาทสำคัญ | ช่วยบรรเทาอาการ |
|---|
| วิตามินบี 6 | สร้างสารสื่อประสาท (Serotonin) | อยากหวาน, หงุดหงิด, ซึมเศร้า, บวมน้ำ |
| แมกนีเซียม | ควบคุมระบบประสาท, ลดความเครียด | อยากหวาน, อารมณ์แปรปรวน, นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะ |
| แคลเซียม + วิตามินดี | ควบคุมอารมณ์, การทำงานระบบประสาท | ซึมเศร้า, หงุดหงิด, วิตกกังวล, อาการ PMS โดยรวม |
| เชสต์เบอร์รี่ (Vitex) | ปรับสมดุลฮอร์โมน (โดยอ้อม) | เต้านมคัด, ปวดท้อง, อารมณ์แปรปรวน (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ) |
| แอล-ธีอะนีน / Adaptogens | จัดการความเครียด, ผ่อนคลาย | อยากอาหาร (จากความเครียด), วิตกกังวล, อารมณ์แปรปรวน |
การดูแลตัวเองแบบองค์รวม
นอกจากการเสริมวิตามินและสารอาหารแล้ว การดูแลตัวเองแบบองค์รวมก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการกับอาการฮอร์โมนแปรปรวนและอาการ PMS:
- การรับประทานอาหารที่ดี: เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง ลดการบริโภคน้ำตาลทรายและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป การรับประทานผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี และปลาทะเลน้ำลึกที่มีโอเมก้า 3 สูง สามารถช่วยปรับสมดุลและลดการอักเสบในร่างกายได้
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด เพิ่มระดับเอ็นโดรฟิน (สารแห่งความสุข) และช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลดีต่ออารมณ์และลดอาการปวดต่างๆ
- การจัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น โยคะ นั่งสมาธิ หายใจลึกๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
- การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: ตั้งเวลาการนอนให้สม่ำเสมอ พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
อาการอยากหวาน กินไม่หยุด หรืออารมณ์แปรปรวนที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนแปรปรวนและ PMS เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายคน แต่เราสามารถเลือกที่จะดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติและปลอดภัยได้ การให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น การจัดการความเครียด และการพักผ่อนให้เพียงพอ คือกุญแจสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจอย่างยั่งยืน
จำไว้ว่าการดูแลตัวเองต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การเข้าใจร่างกายของตัวเอง และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและสมดุลมากขึ้น ไม่ต้องตกเป็นทาสของความอยากหวาน หรืออารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ อีกต่อไป
คำถามที่พบบ่อย
Q: อาการอยากหวานช่วงมีประจำเดือนจะหายไปเองไหม?
A: อาการอยากหวานมักจะดีขึ้นเมื่อรอบเดือนเริ่มต้นขึ้น แต่การดูแลด้วยสารอาหารที่เหมาะสมและการจัดการความเครียดจะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการเกิดซ้ำได้ค่ะ
Q: สามารถทานวิตามินหลายชนิดพร้อมกันได้หรือไม่?
A: โดยทั่วไปวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้สามารถทานร่วมกันได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริม โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาอื่นอยู่
Q: ต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะเห็นผลจากการเสริมวิตามิน?
A: ระยะเวลาเห็นผลแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและชนิดของวิตามิน บางคนอาจรู้สึกดีขึ้นภายใน 1-2 รอบเดือน แต่การรับประทานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอร่วมกับการปรับพฤติกรรมจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาวค่ะ
สนใจดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากแบรนด์ biovitt สามารถดูได้ที่ หน้าร้านค้า และสั่งซื้อสินค้าได้ที่ช่องทาง Shopee Lazada Facebook และ Line MyShop
หากสนใจอยากเริ่มต้นสร้างแบรนด์วิตามินของตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี? iBio คือคำตอบสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นที่ต้องการก้าวเข้าสู่ธุรกิจวิตามินอย่างมืออาชีพ แต่ยังไม่มีประสบการณ์หรือเงินทุนจำนวนมาก iBio เป็นโรงงานรับผลิตอาหารเสริมแบบ oem/odm และวิตามินที่ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกขั้นตอน โทรเลย 02-713-8989 สามารถดูรายละเอียดบริการรับผลิตอาหารเสริมวิตามินของ iBio ได้ที่ รับผลิตอาหารเสริมวิตามิน